วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โครงการเสริมอาชีพ


โครงการเสริมอาชีพ
             โครงการต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นโครงการส่งเสริมอาชีพด้านเกษตร นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่มิใช่อาชีพเกษตร แต่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เช่น
   สหกรณ์ทางการเกษตร เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้รู้จักประกอบการพาณิชย์ด้วยตนเอง ไม่ต้องขายผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางมีพระบรมราโชบายให้เกษตรกรรวมตัวกัน จัดตั้งหมู่บ้านสหกรณ์การเกษตร เมือมีหมู่บ้านสหกรณ์แล้วก็มีการพัฒนาด้านอื่น ๆ ซึ่งราษฎรรวมกันจัดทำขึ้น เช่น สร้างถนน พัฒนาแหล่งน้ำ บำรุงดินฝึกอาชีพต่าง ๆ สร้างโรงงานสำหรับผลิตผลิตผลขึ้นในหมู่บ้าน สหกรณ์การเกษตรแห่งแรกคือสหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จดทะเบียนเมื่อวันที่๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ จัดเป็นศูนย์สาธิตสหกรณ์ หลังจากนั้นก็มีศูนย์สาธิตเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง นอกจากทำการเกษตรแล้วสมาชิกสหกรณ์ยังได้ประกอบอุตสาหกรรมในครอบครัว ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โดยทรงตั้งมูลนิธิศิลปาชีพขึ้น เพื่อฝึกอบรม และจำหน่ายผลิตผล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 โครงการพระดาบส เป็นโครงการฝึกอบรมอาชีพทางการช่างต่างๆ เริ่มดำเนินการเมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ เป็นการจัดการศึกษานอกระบบทำนองเดียวกับสำนักพระดาบสโนสมัยโบราณ สำนักพระดาบสปัจจุบันตั้งอยู่ที่ถนนสามเสน ตรงกันข้ามกับหอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เปิดสอนวิชาช่างวิทยุ ช่างไฟฟ้าขึ้นก่อน แล้วขยายเป็นช่างเครื่องยนต์ ช่างประปา ฯลฯ ผู้เข้าเรียนไม่จำกัดวัย เพศ วุฒิ และฐานะของครอบครัวครูเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งอาสาสมัครสอนโดยศรัทธาโนการให้ความรู้เป็นวิทยาทาน เมื่อนักเรียนเรียนจบหลักสูตรแล้ว ก็ได้เปิดรับงานช่างต่าง ๆ เป็นการหารายได้ให้แก่นักเรียนในรูปของสหกรณ์ โดยนักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นค่าอาหาร ที่อยู่อาศัยเสื้อผ้า วัสดุอุปกรณ์การฝึกอบรม นักเรียนที่เรียนจบแล้ว สามารถประกอบอาชีพของตนเองได้
โครงการอื่น ๆ ที่เป็นการส่งเสริมอาชีพโดยตรง นอกเหนือจากการฝึกอบรม ก็มีโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม โครงการศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอก ไม้ผลโครงการศิลปาชีพพิเศษทั่วประเทศ เป็นต้น



วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับป่า


โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับป่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในปัญหาปริมาณป่าไม้ลดลงเป็นอย่างมาก จึงทรงพยายามค้นหาวิธีนานาประการที่จะเพิ่มปริมาณของป่าไม้ในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคงและถาวร โดยมีวิธีการที่เรียบง่ายและประหยัดในการดำเนินงานตลอดจนเป็นการส่งเสริมระบบวงจรป่าไม้ในลักษณะอันเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ซึ่งได้พระราชทานพระราชดำริหลายวิธีการ
          ตัวอย่างโครงการ
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
โครงการศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จังหวัดเชียงใหม่
โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำแม่อาว จังหวัดลำพูน
โครงการห้วยองคต จังหวัดกาญจนบุรี
โครงการพัฒนาปากน้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่ปิง จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน
โครงการพัฒนาพื้นที่ป่าขุนแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่
โครงการศูนย์ศึกษาวิจัยธรรมชาติและป่าพรุสิรินทร
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จ.นราธิวาส

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย จังหวัดเพชรบุรี


โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำ


โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำ
        การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ในปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกนอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยเพียงน้ำฝนและน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอตามที่พืชต้องการ อีกทั้งความผันแปรเนื่องจากฝนตกไม่พอเหมาะกับความต้องการ เป็นผลให้ผลผลิตที่ได้รับไม่ดีเท่าที่ควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสนพระราชหฤทัยเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำมากกว่าโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริประเภทอื่น ทรงให้ความสำคัญในลักษณะ น้ำคือชีวิตดังพระราชดำรัส ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๒๙ ความตอนหนึ่งว่า
หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ไม่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้


โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับดิน


โครงการพระราชดำริเกี่ยวกับดิน
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ประชาชนส่วนใหญ่เลี้ยงชีพโดยอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของดินมาช้านาน แผ่นดินจึงเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง ด้วยพระปรีชาญาณอันยิ่งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความเสื่อมโทรมของดิน อันเกิดจากสาเหตุทางธรรมชาติ เช่น บางแห่งเป็นดินเปรี้ยว ดินด่าง ดินเค็ม และบางแห่งก็ไม่มีดินเลย ซึ่งทรงเรียกดินเหล่านี้ว่า "ดินแร้นแค้น" นอกจากนี้ ความเสื่อมโทรมของดินยังเกิดจากการกระทำอันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของประชาชน เช่น การตัดไม้ทำลายป่า และการใช้พื้นที่โดยขาดการอนุรักษ์ จึงพระราชทานแนวพระราชดำริในการป้องกัน แก้ไข และพัฒนาทรัพยากรดินเป็นอเนกประการ ซึ่งล้วนแต่นำประโยชน์สุขมาสู่เกษตรกรทั่วประเทศ
ตัวอย่างโครงการ
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จังหวัดเชียงใหม่
โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำแม่อาว จังหวัดลำพูน
โครงการศึกษาฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี
โครงการทดลองแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จังหวัดนครนายก
โครงการหญ้าแฝก

โครงการแกล้งดิน


โครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อม


โครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
เนื่องมาจากปัญหาที่เกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจโดยอุตสาหกรรมที่ไม่ได้วางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ดิน น้ำ และป่าไม้ งานส่วนใหญ่ของโครงการจึงเป็นการปรับปรุงสภาพทรัพยากรธรรมชาติมีและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
๑. การอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรดิน สนับสนุนให้เกษตรกรเรียนรู้และเข้าใจวิธีการอนุรักษ์และบำรุงดินให้สมบูรณ์อยู่เสมอ มีพระราชดำริว่า “... การปรับปรุงที่ดินนั้นต้องอนุรักษ์ผิวดิน ซึ่งมีความสมบูรณ์ไว้ ไม่ให้ไถหรือลอกหน้าดินทิ้งไป สงวนไม้ยืนต้นที่ยังเหลืออยู่เพื่อที่จะรักษาความชุมชื้นของผืนดิน...นอกจากนี้มีโครงการจัดสรรและปฏิรูปที่ดิน พัฒนาที่ดินที่ว่างเปล่า แล้วจดสรรให้เกษตรกรผู้ไรที่ดินได้มีที่ทำกิน แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครอง จัดพื้นที่ทำกินให้ราษฎรชาวไทยภูเขา ให้มีการทำการเกษตรแบบผสมผสานอย่างได้ผล
๒. ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อศึกษาค้นคว้ารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำลำธาร โครงการอนุรักษ์แหล่งน้ำ ต้นน้ำลำธารมีอยู่ทั่วประเทศ ดังกล่าวแล้วในเรืองการพัฒนาแหล่งน้ำ
u
๓. ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เละทรัพยากรแหล่งน้ำเป็นสิ่งคู่กัน การทำลายป่าที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและซึมซับน้ำเก็บไว้ ทำให้แหล่งน้ำสูญหายไปด้วย นอกจากนั้น เมื่อไม่มีป่าซึมซับ น้ำฝนที่ตกลงมาก็สูญเปล่า บางแห่งก็หลั่งไหล ลงท่วมพื้นที่ทำกินและบ้านเรือนจึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการปลูกป่าทดแทนป่าที่เสื่อมโทรมโดยใช้วิธี ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักป่า และช่วยกันปลูกป่ารักษาป่า เพียงแต่อย่ารังแก และรบกวนป่าก็จะขึ้นเองโดยธรรมชาติ สร้างแหล่งน้ำให้เลี้ยงต้นไม้ และปลูกพันธุ์ไม้บางอย่างเสริมบ้าง


โครงการพัฒนาเกษตรในชนบท


โครงการพัฒนาเกษตรในชนบทมีสองลักษณะคือ
        หนึ่ง : โครงการส่วนพระองค์ ซึ่งทรงดำเนินการเพื่อเป็นแบบอย่าง และเผยแพร่สู่เกษตรกรในชนบท เป็นโครงการที่โปรดเกล้าฯ ให้มีขึ้นในบริเวณพระตำหนัก สวนจิตรลดา เริ่มตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๓ ได้แก่ โครงการป่าไม้สาธิต เพื่อปลูกพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ ในเนื้อที่ ๑๒๕ ไร่ โครงการนาข้าวทดลอง ได้เริ่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๕ โครงการเพื่อหาข้อมูลในการส่งเสริมอาชีพเกี่ยวกับโคนม เช่น ทำเป็นนมผง และนมผงชนิดเม็ด เริ่มทดลองในพุทธศักราช ๒๕๑๒ ในปีเดียวกันนี้ ทรงเริ่มผลิตนมสดวันละหลายพันถุง โครงการเลี้ยงปลานิล ซึ่งมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ทูลเกล้าฯ ถวาย ๕๐ ตัว เริ่มเมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๘ เพื่อขยายพันธุ์ไปสู่เกษตรกร ปัจจุบันนี้ มีการเลี้ยงปลานิลทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีโรงสีข้าวทดลองเพื่อค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับการสีข้าว โครงการยุ้งฉางข้าว เพื่อทดลองการเก็บรักษาข้าวเปลือกไห้สูญเสียน้อยที่สุด และโครงการบดแกลบและอัดแท่งสำหรับนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
        สอง : โครงการพัฒนาอาชีพเกษตรในชนบท เป็นโครงการซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการในพื้นที่ทุรกันดาร และมีปัญหาเกี่ยวกับที่ดินและน้ำ ทรงนำผลการค้นคว้าทดลอง ไปใช้ในพื้นที่ซึ่งเหมาะสมแก่การปลูกพืชพันธ์ใหม่ๆ เช่น หม่อน ยางพารา ปลูกพืชเพื่อการบำรุงดิน เช่น หญ้าแฝก พืชที่เป็นประโยชน์ต่อการบริโภคและใช้เป็นยา เช่น สมุนไพร นอกจากปลูกพืชแล้วยังมีการเลี้ยงสัตว์ โดยใช้พันธุ์สัตว์ที่เหมาะสม เช่น โคนม โคเนื้อ แพะ แกะ ปลา ทรงแนะนำวิธีปฏิบัติที่ไม่ซับซ้อน ราคาถูก เกษตรกรสามารถดำเนินการเองได้ โดยที่พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์และเทคนิคต่างๆ มีความเหมาะสมแก่ภูมิประเทศภูมิอากาศ และสภาพสังคมโดยทั่วไป ทรงเน้นให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ ขณะเดียวกันช่วยให้ผลิตก๊าซชีวภาพ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านเชื้อเพลิง และปุ๋ย เรื่องการหารายได้เสริมจากงานศิลปหัตถกรรม โดยสรุป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เกษตรกรสามารถ ทำการเกษตรอย่างยั่งยืนและพอมีกินมีใช้ มีความสุขในสภาพแวดล้อมของตนเอง





โครงการสาธารณสุข


โครงการสาธารณสุข
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในสุขภาพอนามัยของราษฎรยิ่งนัก โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยากเจ็บป่วยแต่ไม่มีโอกาสจะได้รับการรักษาเนื่องจากไม่มีเงินและอยู่ห่างไกลโรงพยาบาลนอกจากนั้น ยังปรากฏว่า แม้แต่ในโรงพยาบาลบางแห่งก็ยังขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็น ตลอดจนความรู้ทางการแพทย์ในบางเรื่อง ได้ทรงริเริ่มพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในด้านนี้ ตั้งแต่แรกเริ่มเสวยราชสมบัติ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๔ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างอาคารสำหรับผลิตวัคซีน บี ซี จี เพื่อป้องกันวัณโรคให้แก่เด็ก เป็นอาคารที่มีลักษณะพิเศษ องค์การอนามัยโลกได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจการสร้างห้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ ในเดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๗ กองวิทยาศาสตร์สภากาชาดไทย ก็สามารถผลิตวัคซีน บี ซี จี ได้สำเร็จ
เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๐ โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งหน่วยงานแพทย์พระราชทาน เพื่อช่วยรักษาพยาบาลราษฎรในท้องที่ซึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม หน่วยแพทย์พระราชทานซึ่งเดิมมีเพียงคณะแพทย์ตามเสด็จ และแพทย์ประจำพระองค์ได้ขยายออกไป โดยมีแพทย์อาสามาจากหลายโรงพยาบาล และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโนสาขาต่างๆ เช่น ศัลยแพทย์ จักษุแพทย์ ทันตแพทย์ นอกจากคณะแพทย์พระราชทานจะตามเสด็จไปยังที่ต่างๆ แล้ว ยังได้จัดคณะแพทย์ทำงานตามโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในจังหวัดที่พระราชนิเวศน์ตั้งอยู่ เช่น โรงพยาบาลสกลนครโรงพยาบาลนราธิวาส บริเวณที่ตรวจโรคหน้าพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
        นอกจากโปรดเกล้าฯ ให้มีหน่วยแพทย์พระราชทานแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า ชาวบ้านควรมีความรู้ทางการสาธารณสุขตามสมควร เพื่อช่วยเหลือตนเองในท้องถิ่นที่ขาดแคลนสถานพยาบาล เมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๕ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการฝึกอบรม หมอหมู่บ้านคัดเลือกอาสาสมัครมารับการฝึกอบรมสาธารณสุขมูลฐาน เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โภชนาการสำหรับแม่และเด็ก การป้องกันโรคอย่างง่ายๆ 


โครงการด้านคมนาคมและการสื่อสาร



ครงการด้านคมนาคมและการสื่อสาร

โครงการด้านคมนาคมและการสื่อสารส่วนใหญ่เป็นโครงการปรับปรุงเส้นทางเพื่อการเดินทาง และขนส่งผลิตผลได้สะดวก ทำให้ชนบทสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ง่ายขึ้นหลายๆ โครงการจะเริ่มจากการปรับปรุงถนน และโครงสร้างเพื่อการสื่อสาร เช่น สายโทรศัพท์การคมนาคมที่ศูนย์พัฒนาเกือบทุกแห่งมีความลำบากมาก โดยเฉพาะในที่ราบสูง ซึ่งชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่ ทางโครงการต้องจัดหารถบรรทุกนำผลิตผลไปยังโรงคัดเลือกที่เชียงใหม่ หรือโรงงานอาหารสำเร็จรูปของโครงการในบางพื้นที่ทรงแนะนำให้ชาวไทยภูเขาร่วมกันออกแรง และบริจาคเงินสร้างถนนเพื่อการติดต่อกับหมู่บ้านอื่นและในเมือง ซึ่งโครงการหลวงได้ให้เงินช่วยเหลือบ้างเป็นบางกรณี

โครงการจัดหาน้ำ


โครงการจัดหาน้ำ

ด้วยสำนักราชเลขาธิการ โดยท่านผู้หญิง มนัสนิตย์ วณิกุล  ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้มีหนังสือที่ รล.0010/7247  ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2545 แจ้งว่าตามที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฎราชกุมาร ไปทรงเยี่ยมราษฎรและสมาชิกศิลปาชีพที่บ้านหัวป่าเขียว หมู่ที่ ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง  เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2545 นั้น ได้มีนายเฉวียน  หมวดทอง  ตัวแทนของชาวนาในตำบลพนางตุงเหนือ และตำบลปันแต อำเภอควนขนุน และ  นายวิจักษณ์   อินทรสมบัติ กำนันตำบลมะกอกเหนือ และกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลมะกอกเหนือ ขอพระราชทานน้ำเพื่อการเกษตร ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ   มีพระราชดำริจะพระราชทานความช่วยเหลือ แต่ต้องให้กรมชลประทานพิจารณาถึงความเหมาะสมทั้งสภาพพื้นที่และงบประมาณดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร ถ้าสามารถช่วยเหลือได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ราษฎรอย่างมาก